แม้ว่าล็อกซเล่ย์จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ความผันผวนจากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากว่า 2 ปี แต่ท่ามกลางวิกฤติ บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจจากแนวทางการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในมุมการเติบโตของเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อวิถีการใช้ชีวิต และประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ นำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจ และการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการในธุรกิจหลักของบริษัท
นอกเหนือจากโอกาสทางธุรกิจแล้ว ยังเป็นโอกาสที่บริษัทจะได้เรียนรู้ ปรับตัว และปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นโอกาสได้สั่งสมประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ อันจะช่วยเสริมสร้างรากฐานทางธุรกิจให้มีความมั่นคง นำไปสู่การการเติบโตและพัฒนาอย่าง
ปี 2565 ล็อกซเล่ย์ยังคงดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญใน 2 ประเด็นหลัก คือการสร้างสมดุลของโครงสร้างรายได้และการลดความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจ ด้วยการลงทุนและดำเนินงานในพอร์ทธุรกิจที่มีความหลากหลายของบริษัท เพื่อสร้างความมั่นคงในด้านผลประกอบการ และการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่มีความผันผวนตลอดเวลา
ในปี 2566 บริษัทจะยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์หลักที่ได้วางรากฐานไว้และเตรียมพร้อมสำหรับการปรับตัวเชิงรุก สู่การบูรณาการ สร้างคุณค่าทางธุรกิจรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียอย่างสม่ำเสมอ นับเป็นก้าวย่างสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ในนามของคณะกรรมการบริษัท ผมขอขอบคุณผู้ถือหุ้น คณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทด้วยดีเสมอมา ผมเชื่อมั่นว่าด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท อุตสาหะและศักยภาพในการบริหารจัดการ จะช่วยให้ล็อกซเล่ย์มีก้าวย่างที่มั่นคง ขับเคลื่อนนำพาองค์กรให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้
Vision Mission and Corporate Valuesin People & Capability
to Learn
for Quality
for Change
& Honesty
Synergy & Respect
ต่อมาได้ขยายธุรกิจเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากประเทศอังกฤษมาจำหน่ายในเมืองไทย ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค สินค้าที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2500 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ล๊อกซเล่ย์ (กรุงเทพฯ) จำกัด เพื่อรองรับการจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายขึ้น
ล็อกซเล่ย์ เริ่มต้นจากการทำธุรกิจส่งออกข้าว และไม้ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศ ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานการกระจายสินค้าไปยังทวีปต่างๆ ได้มากขึ้น อาทิ ทวีปยุโรป อเมริกา แอฟริกา และจีน เป็นต้น
ต่อมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตลาดโลกขาดแคลนสินค้าเกษตร บริษัทฯ จึงได้ขยายการส่งออกสินค้าเกษตรอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น ครั่ง น้ำมันมะพร้าว เนื้อมะพร้าวตากแห้ง เมล็ดงา และผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ขณะเดียวกันก็ได้ขยายธุรกิจเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาจำหน่ายในประเทศไทยด้วย โดยสินค้าส่วนใหญ่มาจากอังกฤษ เพราะผู้ร่วมลงทุนในขณะนั้นเป็นชาวอังกฤษ สินค้าหลักๆ ได้แก่ เครื่องยนต์ เครื่องปั๊มน้ำ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อโอลิเวตตี้ ฯลฯ สินค้าเหล่านี้สร้างรายได้เป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ เติบโต และย้ายสำนักงานจากย่านสะพานพุทธไปอยู่ที่อาคารล็อกซเล่ย์ เสือป่า
ล็อกซเล่ย์ยังคงดำเนินธุรกิจนำเข้าสินค้าจากอังกฤษ ขณะเดียวกันก็เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากประเทศในแถบเอเชีย เช่น เครื่องยนต์จากญี่ปุ่น แป้งคอสเมติกจากเกาหลี และเริ่มจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูงจากต่างประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจด้านการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างเต็มที่ด้วย
ช่วงเวลานี้ บริษัทฯ สั่งสมทักษะและความเชี่ยวชาญในธุรกิจสินค้าไฮเทคมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล็อกซเล่ย์เป็นบริษัทแรกที่นำระบบคอมพิวเตอร์ของ IBM มาใช้ในระบบบัญชีและการเก็บข้อมูลของบริษัทฯ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีอย่างเต็มตัวในยุคต่อมา
ล็อกซเล่ย์ขยายธุรกิจไปทางด้านโครงสร้างสาธารณูปโภค โทรคมนาคม พลังงาน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค เริ่มขยายฐานการลงทุนไปยังต่างประเทศ ร่วมประมูลงานโครงการในประเทศต่างๆ ในภูมิภาค และการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคไปจำหน่ายต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจบริการด้านระบบงานรักษาความปลอดภัยในสนามบินด้วย
ในทศวรรษนี้ ล็อกซเล่ย์ขยายและเติบโตจนกระทั่งเป็นบริษัทฯ ที่ได้ชื่อว่ามีความหลากหลายครอบคลุมทุกด้าน กลายเป็นกลุ่มบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญหลายด้าน แต่ในความหลากหลายนั้น มีความเป็นเอกภาพสามารถทำงานร่วมกันได้ ทั้งนี้ มีการจัดแบ่งกลุ่มธุรกิจและกระจายอำนาจให้ผู้บริหารในระดับต่างๆ มีอำนาจในการตัดสินใจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการบริหารงานแบบ Conglomerate
ล็อกซเล่ย์ปรับตัวอีกครั้งตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป มีการปรับโครงสร้างองค์กร จัดกลุ่มธุรกิจใหม่ให้ชัดเจนและคล่องตัวยิ่งขึ้น ปรับเป้าหมายมุ่งเน้นธุรกิจหลักที่มีความเชี่ยวชาญ และมีโอกาสเติบโตในอนาคต เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร โดยผันตัวเองเป็น Holding-Operating Company คือยังคงดำเนินธุรกิจของตนเอง ควบคู่กับการกำกับดูแลบริษัทในเครือ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ล็อกซเล่ย์ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยบุคลากรคุณภาพ วัฒนธรรมองค์กรที่ดี พร้อมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจที่มั่นคง ล็อกซเล่ย์ยึดหลักธรรมาภิบาล ประกอบธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ร่วมส่งเสริมพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน